วันจันทร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ลาฟองแตน


อีสปเชื่อกันว่าอีสปมีชีวิตอยู่ในช่วงเดียวกับพระพุทธเจ้า คือมีชีวิตอยู่เมื่อราว 77-17 ปีก่อน
พุทธศักราช หรือ620-560 ปีก่อนคริสตศักราช ตามตำนานกล่าวว่าเกิดที่เมืองฟรีเยียอันเป็นบริเวณที่ทวีปเอเชียต่อชนกับทวีปยุโรป
ซึ่งยุคนั้นเจริญรุ่งเรืองมากเป็นแหล่งรวมพ่อค้าวาณิช,ทูตานุทูต,นักท่องเที่ยวและการค้าทาส บางตำนานบอกว่าอีสปอาจจะมาจาก เมืองเทรซ ไพรเกีย เอธิโอเปีย ซามอส เอเธนส์ หรือเมืองซาร์ดิส ซึ่งไม่ยืนยันแน่นอน
ในชั้นเดิมอีสปมีฐานะเป็นทาสอยู่ที่เมืองซามอส (samos) ประเทศกรีซ เป็นทาสของอิดมอน ซึ่งได้มอบหน้าที่ให้เป็นครู สอนหนังสือให้ลูกๆของเขา บ้านของอิดมอนเป็นแหล่งพบปะสังสรรค์ของหมู่คนสำคัญของกรีก อีสปจึงมีโอกาสพบเห็นและสังเกต อุปนิสัยคน อิดมอนมักจะนำอีสปไปด้วยเสมอเมื่อออกสังคมและอีสปก็มักได้เล่านิทานให้พวกเขาเหล่านั้นฟังซึ่งก็เป็นที่ชื่นชอบ
คามาริอุส ( Camarius) ผู้เขียนประวัติอีสปได้พรรณาว่าอีสปเป็นคนรูปอัปลักษณ์ผิดมนุษย์ ผิวดำมืด จมูกบี้ ปากแบะ ลิ้นคับปาก หลังงุ้ม เวลาพูดฟังไม่ไคร่ออกว่าเขาพูดกระไร แต่ผู้ฟังนิทานก็ชื่นชอบในเนื้อหา ข้อคิดและคติเตือนใจ เมื่อได้รับอิสรภาพ อีสปได้เข้าอาศัยในวังของกษัตริย์ครีซุส ทำให้ได้พบกับนักปราชญ์และรัฐบุรุษของเอเธนส์มากมาย อีสปเคยได้อาศัยอยู่ในสำนักของนักปราชญ์ โซมอล ญาติของผู้ครองนครเอเธนส์ ซึ่งเมื่อครั้งที่ผู้คนจะขับ ปีซัสเครตัส ออกจากตำแหน่งผู้ปก ครองนครเอเธนส์ อีสปก็ได้เล่านิทานเรื่อง “กบเลือกนาย” ขึ้นที่นี่ ทำให้ชาวเมืองล้มเลิกความตั้งใจ อีสปได้แสดงความคิดเห็น ด้านการปกครองและเล่านิทานอุปมาอุปมัยไว้หลายเรื่องที่สำนักปราชญ์แห่งนี้
ตัวละครในนิทานของอีสปส่วนใหญ่เป็นสัตว์ เช่นราชสีห์อันหมายถึงหรือเป็นตัวแทนของผู้มีอำนาจผู้ปกครอง หนูหมายถึง ผู้ต่ำต้อย ลาหมายถึงผู้ด้อยปัญญา และสุนัขจิ้งจอกหมายถึงคนเจ้าเล่ห์

นิทานของอีสป เป็นเรื่องเล่าปากเปล่า ไม้ได้มีการจดบันทึกเป็นหลักฐาน จนศตวรรษต่อๆมาจึงได้มีผู้บันทึกเอาไว้ จะเห็นได้จากหลักฐานของแผ่นปาปิรัสโบราณ ฟีดรัส ทาสชาวมาซีโดเนียนในยุคจักรพรรดิออกุสตุสแห่งโรมัน เป็นผู้หนึ่งที่ได้รวบรวม หลักฐานนิทานของอีสปไว้เป็นภาษาลาติน บางตำนานบอกว่า ชาวกรีกผู้หนึ่งชื่อ เดมิตริอุส ได้รวบรวมนิทานของอีสปเขียน เป็นหนังสือไว้เมื่อราว 300 ปีก่อนคริสตศักราช ต่อมาก็ได้มีผู้เขียนขึ้นใหม่อีกหลายคน และเมื่อ ค.ศ.1400 พระชื่อ มาซิมุส พลานูด ได้แปลนิทานของอีสปจากภาษาลาตินมาเป็นภาษาอังกฤษ นับแต่นั้นมาชาวยุโรปได้แปลนิทานของอีสปเป็นภาษาของตนจนแพร่หลาย ไปทั่วโลก ซึ่งส่วนใหญ่จะดัดแปลงเนื้อหาให้เข้ากับสภาพบ้านเมืองของตน แต่คติและข้อคิดอันเป็นหัวใจของเรื่องยังคงได้รับการรักษา
เอาไว้
ลาฟองแตน นักเล่านิทานที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งของโลกชาวฝรั่งเศส เป็นคนหนึ่งที่ทำให้นิทานอีสปแพร่หลายสูงสุดนิทาน ของเขาจะเขียนเป็นคำกลอนซึ่งเด็กๆฝรั่งเศสจำได้ขึ้นใจ และได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆมากมาย นิทานของเขามีทั้งแต่งขึ้นเองและ ดัดแปลงจากของอีสป จนยากจะแยกแยะ นิทานอีสปมีนับพันเรื่อง ซึ่งยากจะระบุว่าเรื่องใดใช่หรือไม่ใช่นิทานของอีสป ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าอีสปมีอายุยืนยาวเท่าไรและตายเพราะเหตุใด นักประวัติศาสตร์บางท่านปฏิเสธว่าอีสปไม่ได้มีตัวตนอยู่จริง แต่มีพระองค์หนึ่งที่กรุงคอนสแตนติโนเปิล ชื่อว่า แมกซิมุส พลานุเดซ เขียนบันทึกไว้ในศตวรรษที่ 14 ว่าอีสปมีตัวตนจริงโดยพรรณนา รูปร่างลักษณะของอีสปตรงกับที่ คามิอุส บันทึกไว้และตรงกับรูปปั้นหินอ่อนอีสปที่ วิลลา อัลบานี ในกรุงโรมทุกประการ

ในเมืองไทย พระจรัส ชวนะพันธุ์ (สาตร์) ได้กล่าวไว้ใน คำชี้แจงของผู้แต่ง (ลงวันที่ 22 ธันวาคม ร.ศ.130) จากหนังสือ นิทานอีสปของกระทรวงศึกษาธิการว่า “หนังสือนิทานอีสปเล่มนี้พระบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงเป็นผู้ทรงแนะนำให้ ข้าพเจ้าแต่งขึ้นให้ใช้ภาษาง่ายๆ และประโยคสั้นๆ สำหรับเด็กในชั้นมูลศึกษาจะได้ใช้เป็นแบบสอนอ่านเมื่อเรียนแบบเรียนมูลศึกษาจบแล้ว”
ในปัจจุบันได้มีผู้แปลและเรียบเรียงนิทานอีสปเป็นภาษาไทยมากมายหลายเล่ม ทั้งที่รวบรวมไว้เล่มละหลายๆเรื่อง และแยกเป็นเล่มละ เรื่องวาดภาพประกอบ หรือจัดพิมพ์จำหน่ายในแนวนิทานภาพสำหรับเด็กซึ่งได้รับความสนใจจากผู้อ่าน สืบเนื่องเสมอมา

ไม่มีความคิดเห็น: