วันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

Mr. Jean-Jacques Fiallot

ผู้ถือครอง

นอกจากรางวัลอันมากมายและความมั่งคั่งที่ท่านได้รับ Maurice Berger ได้ประสบความ สำเร็จเกี่ยวกับการสรรค์สร้างผลิตภัณฑ์และธุรกิจ ท่านตัดสินใจถอนตัวออกจากงานที่ทำ ในขณะที่ท่านอายุ 60 ปี ในปี ค.ศ. 1926 ท่านได้นำแผนการที่คิดเอาไว้ไปปรึกษากับ ครอบครัวและพนักงานของท่านบางคนก่อนที่จะดำเนินการติดต่อกับผู้จัดการโรงงานของท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ที่รักต่อการเสาะหาการลงทุนทางด้านธุรกิจใหม่ๆ และต่อมาท่านผู้นี้ซึ่งก็คือ Jean-Jacques Faillot ก็ได้ถือกรรมสิทธิ์การเป็นเจ้าของและท่านยังเป็นผู้ที่มีความ สำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาในอนาคตของ Lampe Berger




Maurice Berger ขายร้านของเขาให้กับ Jean-Jacques Faillot เจ้าของคนใหม่ในวัยเพียง 45 ปี เดิมทีเขาผู้่นี้คือผู้จัดการโรงงานอุตสาหกรรมทางด้านกระดาษแข็ง บุคคลสำคัญทั้งสองท่านนี้ได้ถูกทำให้รู้จักกันโดยความบังเอิญ นั่นคือในขณะที่ Jean-Jacques Faillot เดินทางไปยังตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศสเกี่ยวกับเรื่องงานของเขา เขาได้พบกับผู้โดยสารผู้หนึ่งซึ่งเป็นพนักงานของ Maurice Berger Jean-Jacques Faillot ได้ถูกบอกเล่าเกี่ยวกับการบอกขายกิจการของ Maurice Berger และเขาเกิดสนใจและตระหนักอย่างยิ่งว่าจะเป็นการลงทุนอันคุ้มค่า และในเดือนสิงหาคมในปี ค.ศ. 1927 เขาลงทุนด้วยเงิน 750,000 ฟรังซ์ (ประมาณ 2 ล้านฟรังซ์ที่ปี ค.ศ. 1998) และเขาก็ได้กลายเป็นเจ้าของกิจการคนใหม่

Mr.Jean-Jacques Faillot

Mr.Jean-Jacques Faillot ยังคงใช้ชื่อ Berger เป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญในด้านการค้า และมีแนวทางที่จะให้ตะเกียง Berger เป็นผลิตภัณฑ์หลักของธุรกิจใหม่ของเขา ตัวเลขการขายตะเกียงนั้นเพิ่มทวีคูณไปเรื่อยๆ จากเพียง 12 ดวง ไปจนถึงกว่า 100 ดวง ทั้งนี้เนื่องมาจากความพยายามและทุ่มเทของ Jean-Jacques Faillot ด้วยผลิตภัณฑ์อันหลากหลายของตะเกียง Berger เชื่อว่าเป็นที่พึงพอใจแก่ทุกๆ รสนิยม สำหรับตะเกียงรูปแบบธรรมดา ซึ่งเป็นแก้วใสปราศจากสี จะมีราคาอยู่ที่ 20 ฟรังซ์ฝรั่งเศส ในขณะที่ตะเกียงดวงที่มีความหรูหราที่สุดซึ่งทำจาก Baccarat Crystal นั้นมีราคาสูงถึง 1500 ฟรังซ์ฝรั่งเศสในช่วงเวลานั้น Mr.Jean-Jacques Faillot เป็นผู้ที่มีความกระตือรือร้นต่อสิ่งสวยงาม และคุณภาพของตะเกียง เขาเข้าร่วมงานกับบริษัทที่มีชื่อเสียงหลายบริษัท ที่มีความชำนาญด้านตกแต่งบ้าน ขวดน้ำหอมและขวดสเปรย์ต่างๆ ดังนั้นผู้คิดค้นที่มีชื่อเสียงในช่วงนั้นจึงได้ผลิตตะเกียง Berger : Latique, Galle, Baccarat, Saint-Louisd’ Argental, Camille, Tharaud ซึ่งนี่เองเป็นสิ่งบ่งชี้ว่าจุดมุ่งหมายของ Mr.Jean-Jacques Faillot คือการทำให้ตะเกียง Berger ได้จัดอยู่ในสินค้าที่หรูหรามีระดับ




เป้าหมายอีกอย่างหนึ่งของ Mr.Jean-Jacques Faillot ซึ่งเกี่ยวกับตะเกียง Berger ก็คือเขาริเริ่มด้านการจัดทำโฆษณาขนาดใหญ่ สื่อโฆษณาที่เขาให้ความสนใจเป็นหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ในฝรั่งเศสของเดือนพฤศจิกายน และธันวาคม เนื่องด้วยความมุ่งเน้นที่ว่าตะเกียงของ Berger จะกลายมาเป็นของขวัญสำหรับช่วงเทศกาลคริสต์มาสหรือปีใหม่ โดยเป็นการบ่งชี้ถึงรสนิยมที่ทันสมัยสำหรับการเลือกของขวัญ ด้วยรูปแบบแนวทางการเจาะตลาดที่แตกต่างกัน Mr.Jean-Jacques Faillot จัดตั้งร้านค้าปลีกขึ้นหลายๆ ร้าน เพื่อสำหรับขายตะเกียงของ Berger ยิ่งไปกว่านี้เขายังมีส่วนทำให้การวางขายตะเกียงครอบคลุมไปทั่วโลกโดยผ่านผู้แทนจำหน่ายในกรุงลอนดอน แม้กระทั่งบุคคลสำคัญชาวฝรั่งเศสในช่วงนั้น อาทิเช่น Colette หรือ Jean Cocteau ยังให้ความสนใจอย่างยิ่งในการหาซื้อตะเกียงรุ่นโปรดของพวกเขา ในขณะเดียวกันศิลปินผู้โด่งดัง คือ Pablo Picasso ก็ยังกล่าวชื่นชมเกี่ยวกับกลิ่นน้ำหอม ozoalcool ว่ามันเป็นกลิ่นที่ถูกพึงปราถนามากที่สุดเลยก็ว่าได้ ยุคทองอันเฟื่องฟูได้มาจบลงในช่วงที่เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 Jean-Jacques Faillot ประสบอุบัติเหตุได้รับบาดเจ็บ จนกระทั่งเสียชีวิตในระหว่างการปะทะกันของรถถังเยอรมัน ดังนั้น Gilbert Faillot ลูกชายของเขาจึงกลายเป็นผู้ดำเนินกิจการ Berger ในช่วงต่อมา






ช่วงหลังสงครามโลกการเติบโตทางการค้า และสถานการณ์ทางการเงินยังคงดำเนินไปด้วยดี แต่ต่อมาหลังจากที่ Gilbert Faillot เป็นผู้บริหารบริษัทอยู่ถึง 32 ปี เขาก็รู้สึกว่าเขาสมควรจะหยุดพักจากการทำงาน ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจประกาศขายบริษัท

ไม่มีความคิดเห็น: